ภูมิประเทศและที่ตั้ง
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาล มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 9,629,091 ตารางกิโลเมตร ทางทิศเหนือมีอาณาเขตติดกับประเทศแคนาดา ทิศใต้ติดกับประเทศเม็กซิโกและอ่าวเม็กซิโก ทิศตะวันออกติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค และทิศตะวันตกติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค สหรัฐอเมริกาประกอบด้วยรัฐต่างๆ 50 รัฐ และ 1 เขตการปกครอง โดยรัฐเหล่านี้จะมีอาณาเขตติดต่อถึงกันทั้งหมด 48 รัฐ มีเพียง 2 รัฐเท่านั้นที่ไม่มีอาณาเขตติดต่อกัน คือ รัฐ Alaska ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศแคนาดา และรัฐ Hawaii ซึ่งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิค เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความกว้างใหญ่จึงมีการแบ่งรัฐต่างๆ ออกเป็นเขต 7 เขตดังนี้
- Northwest States ครอบคลุมรัฐ Washington, Oregon, Idaho
- Southwest States ครอบคลุมรัฐ California, Nevada, Utah, Arizona
- North Central States ครอบคลุมรัฐ Montana, Wyoming, Colorado, North Dakota, South Dakota, Nebraska, Kansas, Minnesota, Lowa, Missouri
- South Central States ครอบคลุมรัฐ New Mexico, Oklahoma, Arkansas, Texas, Louisiana
- Midwest States ครอบคลุมรัฐ Wisconsin, Illinois, Michigan, Indiana, Ohio, Kentucky
- Northeast States ครอบคลุมรัฐ New Hampshire, Vermont, New York, Pennsylvania, West Virginia, Virginia, Maine, Massachusetts, Rhode Island, Connecticut, New Jersey, Delaware, Maryland, District of Columbia
- Southeast States ครอบคลุมรัฐ Tennessee, North Carolina, South Carolina, Mississippi, Alabama, Georgia, Florida
สภาพภูมิอากาศ
สหรัฐอเมริกามีสภาพภูมิอากาศที่ค่อนข้างหลากหลายและแตกต่างกันไปแต่ละเขต เนื่องจากภูมิประเทศที่กว้างใหญ่ โดยทั่วไปแล้วประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นกว่าประเทศไทยเนื่องจากสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ทางแถบตะวันออกของประเทศอากาศในช่วงฤดูหนาว และฤดูร้อนจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน ส่วนทางด้านชายฝั่งตะวันตกค่อนข้างจะมีฝนตกบ่อย มีหิมะตกพอสมควร ปริมาณแสงแดดก็มีไม่มากนัก ทางตอนกลางของประเทศมีหิมะตกพอสมควรถึงหนักมาก แสงแดดค่อนข้างมาก
สหรัฐอเมริกามี 4 ฤดูกาล คือ
ฤดู | ช่วงเวลา |
ฤดูร้อน | อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม |
ฤดูใบไม้ร่วง | อยู่ในช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน เป็นฤดูที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุด |
ฤดูหนาว | อยู่ในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ |
ฤดูใบไม้ผลิ | อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม |
ประชากร
ปัจจุบันสหรัฐอเมริกามีประชากรประมาณ 327.2 ล้านคน (2019) ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากชนชาติต่างๆ ทั่วโลก จนทำให้สหรัฐอเมริกาได้ชื่อว่า “Melting Pot” ซึ่งหมายถึง การเป็นศูนย์รวมของแหล่งวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายและหลอมละลายกลายเป็นอเมริกา ประชากรดั้งเดิมของสหรัฐอเมริกา คือ ชาวอินเดียนแดง ส่วนชนกลุ่มแรกที่อพยพเข้ามาสหรัฐอเมริกา คือ ชาวอังกฤษ และชาวเนเธอร์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย เป็นรัฐที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด รองลงมา คือ นิวยอร์ค ส่วนรัฐฮาวาย เป็นรัฐที่ชาวญี่ปุ่นได้อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานมากกว่ารัฐอื่นๆ
การปกครอง
สหรัฐอเมริกามีระบบการเมืองแบบประชาธิปไตย โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขสูงสุด มีสภา 2 สภา คือ วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร มีพรรคการเมือง 2 พรรค คือ พรรครีพับลิกัน (Republican) และพรรคเดโมแครต (Democrat) ส่วนพรรคอื่นๆ จะเป็นพรรคขนาดเล็ก การเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นทุก 4ปี โดยประธานาธิบดีอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 4 ปี และเป็นได้ไม่เกิน 2 สมัย สำหรับระบบการปกครองจะเป็นแบบสหพันธรัฐ ซึ่งประกอบด้วยรัฐ 50 รัฐ และ 1 เขตการ ปกครอง โดยแต่ละรัฐจะมีสิทธิในการปกครองตนเอง สมาชิกรัฐสภาและผู้ว่าทุกรัฐจะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยมีกรุงวอชิงตัน ดีซี เป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการปกครอง สำหรับประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นาย George W.Bush พรรครีพับลิกัน (Republican) ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 43 ของสหรัฐอเมริกา รองประธานาธิบดี คือ นาย Richard Bruce Cheney
วัฒนธรรม
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีประชากรจากหลากหลายภูมิภาคของโลกมาอาศัยอยู่ร่วมกันทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมและวิถีการดำเนินชีวิตที่หลากหลาย ชาวอเมริกันเป็นคนที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นซึ่งแตกต่างจากของตนเอง มีความเป็น เอกเทศ ซื่อสัตย์ เปิดเผย และตรงไปตรงมา ยึดถือในเรื่องของความเท่าเทียมกัน ให้ความสำคัญกับการประสบความสำเร็จ จากการที่มีภูมิประเทศที่กว้างใหญ่ทำให้ในแต่ละรัฐ แต่ละเขตมีขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันไป ด้านสำเนียงภาษาอังกฤษก็จะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น
ศาสนา
เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเป็นระบบเศรษฐกิจเสรี ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะมีฐานะใกล้เคียงกัน มีเป็นจำนวนน้อยที่จะร่ำรวยมหาศาล หรือยากจนมากมาย สหรัฐเป็นประเทศที่มีความเจริญและเป็นผู้นำในธุรกิจหลายประเภทและทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเกษตรกรรม อุตสาหกรรม เช่นอุตสาหกรรม รถยนต์ เครื่องบิน คอมพิวเตอร์ รวมถึงการท่องเที่ยวและบันเทิง ความมั่งคั่งส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมอุตสาหกรรม และธุรกิจเอกชน
เวลา
ด้วยประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างมาก จึงมีการแบ่งความแตกต่างของเวลาตามเส้นแบ่งของโลก เป็น 4 เขตเวลา (Time Zone) คือ
- Eastern Time Zone (EST) : จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 12 ชั่วโมง
- Central Time Zone (CST) : จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 13 ชั่วโมง
- Mountain Time Zone (MST) : จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 14 ชั่วโมง
- Pacific Time Zone (PST) : จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 15 ชั่วโมง
ในแต่ละ Time Zone จะมีเวลาแตกต่างกัน 1 ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น เวลาใน Eastern โซน เป็นเวลาบ่าย 4 โมงเย็น เวลาในเขต Central โซนจะเป็นบ่าย 3 โมงเย็น ในเขต Mountain โซนเป็นเวลาบ่าย 2 โมง และเวลาในเขต Pacific โซนจะเป็นเวลาบ่ายโมงตรง
ในฤดูใบไม้ร่วงจะมีการหมุนเข็มนาฬิกาให้เวลาเดิน หน้าเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง โดยจะหมุนในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ตุลาคม และในฤดูใบไม้ผลิ จะหมุนเข็มนาฬิกาให้เวลาถอยหลัง 1 ชั่วโมง โดยจะหมุนในวันอาทิตย์แรกของ เดือนเมษายน
ไฟฟ้า
สหรัฐอเมริกามีระบบไฟฟ้าแบบ 115 Volts, 60 Cycles ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทย ถ้านักศึกษาต้องการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเมืองไทยไปก็จำเป็นต้องหาซื้อเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Adapter) ไปด้วย
น้ำประปา
ระบบน้ำประปาของสหรัฐอเมริกานั้นมีมาตรฐานสูงซึ่งประชาชนสามารถดื่มน้ำประปาจากก๊อกน้ำได้โดยไม่จำเป็นต้องนำน้ำไปต้มแต่อย่างใด
ระบบเงินตรา
สหรัฐอเมริกาใช้ระบบสกุลเงินดอลล่าร์ (US$) ซึ่ง US$ 1 = 100 cent โดยธนบัตรจะมีตั้งแต่ใบละ $1, $5, $10, $20, $50 และ $100 สำหรับธนบัตร $20 จะเรียกว่า twenty bucks ส่วนเหรียญจะมีตั้งแต่เหรียญ 1 เซ็นต์ (penny), เหรียญ 5 เซ็นต์ (nickel), เหรียญ 10 เซ็นต์ (dime) และเหรียญ 25 เซ็นต์ (Quarter)
การเงินการธนาคาร
สหรัฐอเมริกามีธนาคารจำนวนมากที่คอยให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้บริการของธนาคารของนักศึกษาควรดูจากสถานที่ศึกษา หรือที่พักอาศัยของนักศึกษาเป็นหลัก นักศึกษาควรเลือกใช้บริการของธนาคารที่อยู่ใกล้กับที่พัก หรือสถานศึกษาของตน ให้ดอกเบี้ยในอัตราที่เหมาะสม และมีเครื่อง ATM ให้บริการอยู่ทั่วไป เพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำธุรกรรมต่างๆ โดยทั่วไปแล้วในวันจันทร์ - ศุกร์ธนาคารจะเปิดทำการตั้งแต่ 9.00 – 15.00 นาฬิกา ส่วนในวันเสาร์อาจเปิดให้บริการตั้งแต่ 9.00 – 12.00 นาฬิกา และหยุดทำการในวันอาทิตย์
ร้านค้า
ซุปเปอร์มาร์เก็ตในอเมริกาส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง สินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตแต่ละแห่งก็จะมีให้เลือกมากมาย ซึ่งมีทั้งอาหารสด อาหารแห้ง ผลไม้ และผักต่างๆ สำหรับราคาของ สินค้าสดประเภท เนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ ก็จะมีราคาพอๆ กับเมืองไทย ส่วนผักต่างๆ ก็จะมีราคาแพงกว่านิดหน่อย แต่ถ้าเป็นกุ้งราคาก็จะแพงเพราะว่าต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น ประเทศไทย หรือเวียดนาม เป็นต้น ถ้านักศึกษาสามารถทำอาหารทานเองได้ก็จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีก เพราะว่าค่าใช้จ่ายสำหรับทำอาหารทานเองตกอยู่ประมาณ 4-8 เหรียญต่อวัน และยังสามารถเก็บไว้ทานได้ถึง 2 วัน
นอกจากสินค้าในซุปเปอร์มาเก็ตแล้วก็ยังมีร้านค้าเล็กๆ ซึ่งมีสินค้าสำหรับคนเอเชีย โดยเฉพาะลักษณะก็คล้ายๆ กับร้านขายของชำในประเทศไทย สินค้าส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากประเทศไทย ราคาสินค้าก็จะถูกกว่าในซุปเปอร์มาร์เก็ตนิดหน่อย ซึ่งร้านลักษณะนี้มักจะตั้งอยู่ในบริเวณชุมชนที่มีชาวเอเชียอาศัยอยู่เยอะ
ที่ทำการไปรษณีย์
ที่ทำการไปรษณีย์ในสหรัฐอเมริกาเปิดทำการทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ โดยมีการให้บริการทั้ง ไปรษณีย์บัตร, ไปรษณีย์ลงทะเบียน, บริการส่งจดหมายทั้งภายในและต่างประเทศ เป็นต้น สำหรับสิ่งสำคัญในการส่งไปรษณีย์ที่นักศึกษาต้องพึงระลึกเสมอ คือ “ต้องกรอกข้อมูลของผู้รับให้ละเอียดและครบถ้วนโดยเฉพาะรหัสไปรษณีย์ต้องไม่ลืมเด็ดขาด” เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้การส่งจดหมายล่าช้าขึ้น
สำหรับอัตราค่าบริการ ถ้าเป็นจดหมายธรรมดาติดแสตมป์ $ 0.34 แต่ถ้าพัสดุมีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยอัตราค่าบริการก็ประมาณ 60 เซ็นต์ ถึง 1 เหรียญกว่าๆ ระยะเวลาที่ใช้ในการส่งแบบธรรมดาก็ประมาณ 4-7 วัน
การประกันสุขภาพสำหรับนักเรียนและนักศึกษาต่างชาติ (Overseas Student Health Cover - OSHC)
เมื่อนักศึกษาจะไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกานักศึกษาจำเป็นต้องทำการประกันสุขภาพ เนื่องค่าใช้จ่ายทางด้านการรักษาพยาบาลที่สหรัฐอเมริกาสูงมาก โดยส่วนมากแล้วสถาบันการศึกษาจะรับสมัครการทำประกันสุขภาพให้แก่นักศึกษาต่างชาติ นักศึกษาควรทำประกันที่มีวงเงินคุ้มครองอย่างน้อยประมาณ US$50,000 และควรเป็นแบบให้ความคุ้มครองทั้งทางด้านอุบัติเหตุและความเจ็บป่วย โดยทั่วไปการประกันสุขภาพจะไม่ครอบคลุมถึงเรื่องของการทำฟัน, เรื่องสายตา-การตัดแว่น, ศัลยกรรมตกแต่งที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ และความเจ็บป่วยที่เป็นมาก่อนที่จะทำการประกันสุขภาพ
ระบบการขนส่ง
การคมนาคมที่สหรัฐอเมริกามีให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้งรถโดยสารประจำทาง รถไฟ รถไฟใต้ดิน รถแท็กซี่ รวมถึงรถยนต์ส่วนตัว การคมนาคมที่สหรัฐอเมริกาค่อนข้างสะดวกสบาย มีการบริการที่ดี มีตารางเวลาในการรับส่งที่แน่นอนทำให้สามารถกำหนดแผนการการเดินทางได้ถูกต้อง
รถโดยสารประจำทาง
รถโดยสารประจำทางในสหรัฐอเมริกาจะมีบริการทั้งภายในเมืองและระหว่างเมือง ในเมืองใหญ่ๆ จะมีรถโดยสารประจำทางบริการตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนในเมืองเล็กๆ อาจต้องใช้เวลาในการรอรถแต่ละเที่ยวประมาณ 30 นาที รถโดยสารประจำทางที่สหรัฐอเมริกาจะมี 2 ประเภท คือ รถโดยสารขนาดเล็กซึ่งจะวิ่งให้บริการในระยะทางใกล้ๆ และรถโดยสารขนาดใหญ่ซึ่งจะวิ่งให้บริการในระยะที่ไกลขึ้น ในการเดินทางแต่ละครั้งนักศึกษาควรจะเตรียมเงินให้พอดีกับค่าเดินทางเนื่องจากคนขับรถจะไม่มีเงินทอน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วนักศึกษาที่แสดงบัตรประจำตัวนักศึกษาจะไม่ต้องเสียค่าโดยสาร หรือถ้าต้องเสียก็จะได้รับส่วนลดจากราคาปกติ และเมื่อนักศึกษาลงจากรถแล้วควรจะกล่าว Thank you เพื่อแสดงการขอบคุณคนขับรถที่ให้บริการแก่เรา การบริการรถโดยสารประจำทางที่สหรัฐจะมีตารางเวลาการให้บริการที่แน่นอน ซึ่งนักศึกษาสามารถดูได้จากที่ป้ายรถโดยสาร นอกจากนี้ที่ป้ายรถโดยสารยังมีข้อมูลเกี่ยวกับประกาศวันหยุด ค่าโดยสาร รวมเบอร์โทรศัพท์สำหรับสอบถามรายละเอียดของเส้นทางและข้อมูลของรถโดยสารอีกด้วย
แท็กซี่
แท็กซี่มีให้บริการอยู่ทั่วไป ซึ่งมีความสะดวกสบายกว่าการใช้บริการรถโดยสารประจำทางแต่ก็มีค่าบริการที่ค่อนข้างสูง นักศึกษาสามารถใช้บริการแท็กซี่ได้โดยการโทรศัพท์เรียกให้แท็กซี่มารับและโดยธรรมเนียมแล้วนักศึกษาควรให้ทิปแก่คนขับแท็กซี่ประมาณ 10 – 20% ของค่าโดยสาร
รถไฟใต้ดิน
รถไฟใต้ดินเป็นระบบการขนส่งมวลชนซึ่งเป็นที่นิยมเนื่องจากมีความรวดเร็ว และสะดวกสบายกว่าการเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง นอกจากนี้การให้บริการของรถไฟใต้ดินยังมีจำนวน การให้บริการมากกว่ารถประจำทาง สำหรับตั๋วรถไฟใต้ดินนั้นจะมีจำหน่ายที่ตู้จำหน่ายตั๋ว อัตโนมัติ หรือที่เคาเตอร์ สำหรับราคาค่าเดินทางนั้นก็จะขึ้นอยู่กับระยะทาง
รถยนต์ส่วนตัว
การมีรถยนต์ส่วนตัวทำให้นักศึกษามีความสะดวกมากในการเดินทางไปมหาวิทยาลัย แต่ก็มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงทั้งในเรื่องของค่าบำรุงรักษา และการต่อทะเบียนรถยนต์ สำหรับใบขับขี่ นักศึกษาควรที่จะทำใบขับขี่เพื่อขับรถยนต์เพราะในบางรัฐมีกฎหมายไม่อนุญาตให้ใช้ใบขับขี่นานาชาติ นอกจากนี้ยังกฎหมายเรื่องการทำประกันรถยนต์ หรือการอนุญาตให้เฉพาะผู้เป็น เจ้าของรถยนต์เท่านั้นเป็นผู้ขับรถยนต์แต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นนักศึกษาควรจะพิจารณาว่ามีความ จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องซื้อรถยนต์
สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย
U.S. Embassy in Thailand
95 Wireless Road, Bangkok 10330
Tel: 02-205-4000
Fax: 02-254-1171
Website: th.usembassy.gov/embassy-consulate
U.S. Consulate General Chiang Mai
387 Witchayanond Road
Chiang Mai 50300, Thailand
Phone.: 053-107-700
Fax: 053-252-633
สถานกงกุลไทยในประเทศสหรัฐอเมริกา
Royal Thai Consulate-General in Chicago, USA
700 North Rush Street, Chicago, IL 60611-2504
Tel: +1 312 664 3129
Fax: +1 312 664 3230
E-mail: info@thaiconsulatechicago.org
Website: http://www.thaiconsulatechicago.org/
Royal Thai Consulate-General in Los Angeles, USA
611 N.Larchmont Blvd., 2nd Floor, Los Angeles , CA 90004
Tel: 1 323 962 9574-7 Fax: 1 323 962 2128
E-mail : info@thaiconsulatela.org
Website: https://thaiconsulatela.org
Royal Thai Consulate-General in New York, USA
351 East 52nd Street, New York, NY 10022
Tel. +1 212-754-2536 / 212-754-2538 / 212-754-1770 Ext.
304, 311, 313 : งานธุรการ
311: งานด้านกงสุล
300 : งานบัตรประชาชน-ทะเบียนราษฏร์
311, 301 : งานหนังสือเดินทาง
303 : งานวีซ่า (Visa) (9.00-12.30 น.)
306 : งานนิติกรณ์และรับรองเอกสารต่างๆ (13.30-16.30 น.)
Fax. 1 212 754-1907
E-mail: info@thaiconsulnewyork.com
Website: www.thaicgny.com
Royal Thai Embassy in Washington D.C., USA
1024 Wisconsin Avenue, N.W., Suite 401 Washington, D.C. 20007
Tel : +1 202 944-3600
Fax : +1 202 944-3611
E-mail : info@thaiembdc.org
Website: https://thaiembdc.org
ดาวน์โหลด