ประเทศแคนาดา

แคนาดา (Canada) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ติดกับสหรัฐ เป็นประเทศที่มีที่ตั้งอยู่ทางเหนือมากที่สุดของโลกและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ปัจจุบันแคนาดาใช้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยถือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรเป็นพระมหากษัตริย์ 

ระบบการศึกษา

ระบบการศึกษาของแคนาดาประกอบด้วยสถาบันการศึกษาทั้งของภาครัฐและเอกชน มีตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยทุกแห่งของแคนาดานั้นได้รับการรับรองจาก ก.พ. ในแต่ละมณฑลจะมีระบบการศึกษาของตนเองระบบการศึกษาในแต่ละมณฑลจึงแตกต่างกัน แต่มาตรฐานโดยรวมจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งได้รับการรับรองจากรัฐบาลกลางของแคนาดา
ระบบการศึกษาของแคนาดาประกอบด้วย สถาบันการศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน ตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงระดับก่อนเข้าวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย การศึกษาในแคนาดาอยู่ในความรับผิดชอบของ กระทรวงศึกษาธิการของแต่ละมณฑล และเขตปกครองพิเศษ ดังนั้นระบบการศึกษาจึงมีความแตกต่างกัน แต่ด้วยการประสานความร่วมมือทางด้านวิชาการของคณาจารย์ และสถาบันต่างๆ รวมทั้งคณะกรรมการ พิจารณาจัดสรรงบประมาณ เพื่อการศึกษา ทำให้การศึกษาทั่วทั้งแคนาดามีมาตรฐานสูง ระดับเดียวกัน 


ระดับประถมศึกษา
ระบบการศึกษาเริ่มจากชั้นอนุบาลเช่นเดียวกับประเทศ อื่น ๆแต่ชั้นประถมศึกษาในแต่ละมณฑลจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้คือ 1. กลุ่มที่มีชั้นประถม 1-8 คือ มณฑลออนตาริโอ และมณฑลมานิโตบา 2. กลุ่มที่มีชั้นประถม 1-7 คือ มณฑลบริติชโคลัมเบีย และเขตยูคอน 3. กลุ่มที่มีชั้นประถม 1- 6 คือทุกมณฑลนอกจากที่กล่าว มาแล้ว 


ระดับมัธยมศึกษา
จำนวนการศึกษาระดับมัธยมจะแตกต่างกันไปในแต่ละมณฑล แต่เมื่อรวมการเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาแล้วจะรวมใช้เวลาเรียน 12 ปี ข้อยกเว้นคือ มณฑลควิเบคและมณฑลออนตาริโอ จะจัดระบบชั้นมัธยมเลยไปอีก 1 ปี รวมเวลา เรียน 13 ปี คล้ายๆ กับว่ามีมัธยม 7 แต่นักเรียนที่เรียนจบชั้น มัธยม 7 จะเรียนอีก 3 ปี ก็ได้รับปริญญาตรี ในขณะที่มณฑลและเขตการปกครองอื่นๆ หลักสูตรปริญญาตรีจะใช้เวลาเรียน 4 ปี ในมณฑลควิเบคยังมีระบบการศึกษาซึ่งอยู่กึ่งกลาง ระหว่างมัธยมและมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นระบบคล้ายของฝรั่งเศส ที่เรียกว่า เซเจ๊ฟ (Cegep) การศึกษาในระดับนี้จะรับผู้จบ มัธยมศึกษาปีที่ 5 เข้าเรียนวิชาชีพเป็นเวลา 2 ปี โรงเรียนมัธยมของแคนาดามีทั้งของรัฐบาลและของเอกชน ถ้าเป็นของเอกชนต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ ของแต่ละมณฑล โรงเรียนรัฐส่วนใหญ่เป็นแบบสหศึกษา ส่วนของเอกชนนั้นมีทั้งแบบหญิงล้วน ชายล้วน หรือ สหศึกษา บางโรงเรียนเป็นโรงเรียนประจำ 


ระดับมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยในแคนาดามีทั้งขนาดเล็กมีนักศึกษาไม่ถึง 1,000 คน ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มีนักศึกษากว่า 35,000 คน การเข้าศึกษาถูกกำหนดโดยมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง โดยทั่วไปจะไม่มีการสอบเข้า แต่ละมหาวิทยาลัยมีมาตรฐานของตนเอง เนื่องจากแคนาดามีภาษาราชการ 2 ภาษาคือ ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศส ผู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยจะเลือกสอบได้ทั้งสถาบันที่ใช้ ภาษาอังกฤษและสถาบันที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส บางมหาวิทยาลัย สอนทั้ง 2 ภาษา แต่นักศึกษารู้ภาษาเดียวก็เพียงพอ 

สำหรับความสามารถในการใช้ภาษาของนักศึกษาต่างชาติ นั้น มหาวิทยาลัยทั่วไป (ยกเว้นที่สอนเป็นภาษาฝรั่งเศส) ใช้คะแนน TOEFL หรือ IELTS โดยต้องได้คะแนน TOEFL อย่างต่ำ 550 มีมหาวิทยาลัยจำนวนมากที่กำหนดคะแนนไว้ที่ 600 ขึ้นอยู่กับ สาขาวิชาที่จะเรียน 
 

ระยะเวลาการศึกษาในมหาวิทยาลัยของ แต่ละมณฑลนั้นแตกต่างกันไปจาก 3-5 ปี ซึ่งนักศึกษาควรจะต้องตรวจสอบกับมหาวิทยาลัยที่สมัคร บางมหาวิทยาลัยจะมี ปริญญาตรี 2 แบบ คือ แบบทั่วไป (OrdinaryDegree) ซึ่งอาจเรียนจบภายใน 3 ปี และแบบเกียรตินิยม (Honours Degree) ซึ่งมีวิชาให้เรียนเพิ่มอีก 1 ปี เหมาะสำหรับผู้จะเรียนต่อปริญญาโท ในบางแขนงวิชา มีการฝึกงานด้วยหลักสูตร อาจจะเป็น 5 ปี หลักสูตรที่จำเป็นต้องฝึกงาน คือ หลักสูตร บัญชี สถาปัตยกรรม และวิศวกรรมศาสตร์ สำหรับปริญญาโทใช้เวลาเรียน 1-2 ปี นักศึกษา สามารถ เลือกเรียนแบบ Course Work ฟังการบรรยายและเขียน รายงานหรือเลือกทำ Project หรือเลือกเขียนวิทยานิพนธ์ และสอบประมวลความรู้ (Comprehensive Examination) ส่วน ปริญญาเอกใช้เวลาเรียน 3-5 ปี โดยเป็น Course Work ประมาณ 2 ปี ที่เหลือเป็นการค้นคว้างาน วิจัยการเสนอรายงาน เชิง วิชาการ และการเขียนวิทยานิพนธ์ 


การศึกษากึ่งวิชาชีพ (Community College หรือ Career College)
เป็นการศึกษาที่ใช้เวลาเรียน 1-3 ปี มุ่งเน้นผลิตนักศึกษา เพื่อออกสู่ตลาดแรงงานให้ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ วิชา ที่เปิดสอนจึงมีการปรับหลักสูตรตลอดเวลาให้สอดคล้องตาม นโยบายเศรษฐกิจของชาติและกระแสตลาดแรงงาน 


การศึกษาภาคปฎิบัติ (Co-op Education)
คือการศึกษาที่สถาบันการศึกษาร่วมมือกับภาคธุรกิจ เปิด โอกาสให้นักศึกษาได้ปฏิบัติงานจริง โดยจะได้รับค่าจ้าง โดยทั่วไป นักศึกษาจะฝึกงานประมาณ 2 ภาคเรียน ก่อนที่จะสำเร็จ การศึกษา 


การโอนหน่วยกิต
แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีระเบียบการเทียบโอนหน่วยกิต แตกต่างกันไป นักศึกษาต้องตรวจสอบไปยังมหาวิทยาลัยที่ต้อง การเทียบโอนหน่วยกิตก่อนตัดสินใจย้ายสถานศึกษา 


โรงเรียนสอนภาษา
มีโรงเรียนสอนภาษาสำหรับต่างชาติที่เรียกว่า English as a Second Language (ESL) และสอนภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่สอง French as a Second Language (FSL) หลายแห่ง กระจายตามเมืองใหญ่ ๆ ทั่วแคนาดา ทั้งนี้เพราะผู้อพยพเข้ามา ตั้งถิ่นฐานในแคนาดาจำเป็นต้องปรับระดับทักษะภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยชุมชนเกือบทุกแห่ง มีแผนกภาษา อังกฤษเปิดสอนหลักสูตร ESL สำหรับนักศึกษาต่างชาติ แต่จะมีข้อกำหนดวันเริ่มเรียนเป็นข้อๆ และคุณสมบัติของผู้เรียน ระบุไว้ ส่วนโรงเรียนสอนภาษาเอกชนนั้นนักศึกษาสามารถเข้า เรียนได้ตลอดปีและมีหลักสูตรให้เลือกมากกว่า นักศึกษาสามารถประกอบอาชีพได้ในสาขาที่สำเร็จการ ศึกษา แต่ต้องภายใน 60 วันหลังจากวันที่สำเร็จการศึกษา โดยขอวีซ่าทำงาน (Employment Authorization) 


การสมัครเข้าศึกษา
การเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของแคนาดา นักศึกษาควรศึกษารายละเอียดของแต่ละสถาบัน และต้องเตรียมเอกสาร ที่ทางสถาบันกำหนดให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนนำส่งสำนักงานนายทะเบียนที่จะศึกษา หากเอกสารไม่ครบถ้วนทางเจ้าหน้าที่ อาจส่งเอกสารคืน ทำให้การสมัครล่าช้า สถานศึกษาในประเทศ แคนาดาค่อนข้างเข้มงวดและจะไม่พิจารณาใบสมัครของนักศึกษา จนกว่าจะได้เอกสารทุกอย่างครบ ถ้าไม่สามารถนำส่งเอกสารได้ ครบถ้วนนักศึกษาควรแนบใบสมัครแจ้งเหตุผลให้ทางสถาบันทราบ และกำหนดวันที่จะยื่นเอกสารที่ยังขาด 
โดยทั่วไปแคนาดายินดีต้อนรับนักศึกษาต่างชาติ แต่เนื่อง ด้วยสถาบันแต่ละแห่งได้รับเงินสนับสนุนค่อนข้างมากจากรัฐบาล จึงมีการจำกัดจำนวนนักเรียนต่างชาติไว้ที่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นนักศึกษาควรสมัครเรียนมากกว่าหนึ่งแห่งเพื่อเพิ่มโอกาส ในการได้รับการตอบรับ 
การเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท นักศึกษาควรสมัครเข้าเรียนหลักสูตร University Transfer Program ในวิทยาลัยก่อน ใช้เวลาเรียน 2 ปี ทำคะแนนให้ดี แล้วโอนหน่วยกิตเข้ามหาวิทยาลัย หลังเรียนต่ออีก 2 ปี จะได้ปริญญา ซึ่งง่ายกว่าการสมัครตรงเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการสมัครยากกว่า สำหรับปริญญาโทนักศึกษาที่มีคะแนนภาษาอังกฤษและผลการเรียนดี สามารถสมัครเรียนโดยตรง ในกรณีที่ได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้ นักศึกษาสามารถ เข้าเรียนภาษาในมหาวิทยาลัยที่ต้องการเรียนก่อน ทำคะแนน TOEFL ให้ได้ 550 ถึง 600 และพยายามหาโอกาสทำความรู้จักกับอาจารย์ อาจจะช่วยให้การสมัครในการเข้าศึกษาง่ายขึ้น
 

ดาวน์โหลด